สารเติมเต็มเกาหลี VS ยุโรป VS อเมริกา ต่างกันยังไง? ฉีดตัวไหนดี?

สารเติมเต็ม คืออะไร ?

สารเติมเต็ม คือ สารเติมเต็มชนิดหนึ่งที่ทำจากไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า HA ซึ่งเป็นสารเลียนแบบสารธรรมชาติที่พบในร่างกาย โดย HA นี้มีบทบาทสำคัญในการรักษาความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้นของผิว ทำให้ผิวดูอิ่มฟูและกระชับ แต่เมื่อเราอายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนและไฮยาลูรอนในผิวลดลง ส่งผลให้ผิวบางลง เกิดริ้วรอย และขาดความเต่งตึง

การฉีดสารเติมเต็ม HA เข้าไปในบริเวณที่มีร่องลึกหรือริ้วรอย เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม จะช่วยเติมเต็มผิว ทำให้ริ้วรอยเหล่านั้นดูตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ สารเติมเต็มยังมีความคงตัวและปลอดภัย สามารถนำมาใช้ในการปรับโครงสร้างของใบหน้า เช่น เสริมจมูก เสริมคาง เพื่อช่วยให้ใบหน้าดูสวยสมส่วน อีกทั้งยังช่วยให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดีขึ้น ทำให้รูขุมขนเล็กลง และผิวดูกระชับ เรียบเนียน นุ่มนวลอย่างเป็นธรรมชาติค่ะ

ประเภทของสารเติมเต็ม

เนื้อสารเติมเต็มร์แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก แต่ละประเภทมีคุณสมบัติและการใช้งานที่ต่างกัน ดังนี้ค่ะ

1. สารเติมเต็มเนื้อแข็ง มีลักษณะเนื้อเจลที่คงตัวและแน่นที่สุด เมื่อบีบออกมาจะเห็นเป็นเส้นที่จับตัวกันแน่น เหมาะสำหรับฉีดในชั้นกระดูกเพื่อยกโครงสร้างใบหน้า เช่น คาง โหนกแก้ม ตัวอย่างยี่ห้อที่ใช้ ได้แก่ Juvederm Voluma, Restylane Perlane Lift, Belotero Volume, และ Perfectha Subskin

2. สารเติมเต็มเนื้อนิ่ม มีลักษณะคล้ายเจลเยลลี่ มีความยืดหยุ่น นุ่ม ไม่เป็นก้อนและไม่เหลว เหมาะสำหรับฉีดในชั้นไขมันบนใบหน้า เช่น แก้ม ร่องแก้ม ตัวอย่างยี่ห้อที่ใช้ ได้แก่ Juvederm Ultra Plus, Restylane Classic, และ Belotero Balance

3. สารเติมเต็ม เนื้อละเอียดมีความบางเบาและเหลวที่สุด คล้ายเนื้อน้ำ เหมาะสำหรับการฉีดในผิวชั้นตื้นเพื่อเติมความชุ่มชื้นและเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ บนใบหน้า เช่น ริ้วรอยเล็ก ๆ ใต้ตา ตัวอย่างยี่ห้อที่ใช้ ได้แก่ Juvederm Volite, Restylane Vital Light, และ Belotero Soft

การเลือกเนื้อสารเติมเต็มห้เหมาะสมกับตำแหน่งและความต้องการจะช่วยให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและยาวนานขึ้นค่ะ

ความแตกต่างระหว่างสารเติมเต็มเกาหลี ยุโรป และอเมริกา

สารเติมเต็มจากเกาหลี ยุโรป และอเมริกามีคุณสมบัติและความแตกต่างที่ตอบโจทย์การใช้งานและงบประมาณที่หลากหลาย ดังนี้ค่ะ

• สารเติมเต็มเกาหลี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและนุ่มนวล โดยเนื้อสารเติมเต็มส่วนใหญ่มีสัมผัสนุ่ม เรียบเนียน ทำให้ผลลัพธ์ดูละมุนและไม่เป็นก้อน นิยมใช้เติมในจุดต่าง ๆ ของใบหน้า ราคาย่อมเยาและคงอยู่ประมาณ 6-12 เดือนตัวอย่างยี่ห้อ
  • e.p.t.q. สารเติมเต็มจากเกาหลีที่ได้รับความนิยม มีจุดเด่นคือมีเนื้อสารเติมเต็ม 3 รุ่น ได้แก่ เนื้ออ่อน เนื้อกลาง และเนื้อแข็ง สามารถเลือกใช้ตามความเหมาะสมของปัญหาผิวแต่ละคนสารเติมเต็ม e.p.t.q. มีความคงรูปดี ปั้นขึ้นทรงง่าย และให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ราคาย่อมเยา เข้าถึงได้ง่าย
  • Yvoire ผลิตโดยบริษัท LG Chem จากเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์ชั้นนำ เนื้อสารเติมเต็มมีความยืดหยุ่นดี เติมแล้วไม่เป็นก้อน และเนียนไปกับผิว จุดเด่นอีกอย่างคือการออกแบบไซริงค์ที่ช่วยลดการเกิดฟองอากาศ ทำให้แพทย์ฉีดสารเติมเต็มได้ง่ายและแม่นยำ

• สารเติมเต็มยุโรป มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องความยืดหยุ่นและความคงทน สารเติมเต็มยุโรปให้ผลลัพธ์ที่เด่นชัดและคงอยู่ได้นานถึง 1-2 ปี เหมาะสำหรับการปรับโครงสร้างใบหน้าและการเติมเต็มที่ต้องการความคงรูปตัวอย่างยี่ห้อ
  • Restylane ผลิตโดยบริษัท Galderma จากสวีเดน ใช้เทคโนโลยี NASHA และ OBT ทำให้สารเติมเต็มมีความยืดหยุ่น คงรูป และมีหลายรุ่นให้เลือกตามความเหมาะสม
  • Belotero ผลิตโดยบริษัท Merz Pharma จากสวิตเซอร์แลนด์ ใช้เทคโนโลยี CPM (Cohesive Polydensified Matrix) ทำให้สารเติมเต็มมีความหนาแน่นและยืดหยุ่นสูง ฉีดแล้วคงรูปได้ดี ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ

• สารเติมเต็มอเมริกา มีความคงทนสูงสุด สามารถเห็นผลลัพธ์ที่เด่นชัดและคงทนได้นาน โดยมักใช้เพื่อปรับโครงสร้างใบหน้า เติมเต็มร่องลึก และเพิ่มมิติในจุดต่าง ๆ บนใบหน้า เช่น ริมฝีปาก คาง และขมับ สารเติมเต็มอเมริกามีราคาสูงที่สุดในกลุ่มและสามารถอยู่ได้นานถึง 2 ปีตัวอย่างยี่ห้อ
  • Juvederm ผลิตโดยบริษัท Allergan จากสหรัฐอเมริกา ผ่านการรับรองจาก FDA สารเติมเต็ม Juvederm มีหลากหลายรุ่น แต่ละรุ่นมีคุณสมบัติเฉพาะ เหมาะสำหรับการแก้ไขปัญหาผิวหนังและปรับรูปหน้า

เลือกสารเติมเต็มอย่างไร ฉีดตัวไหนดี ?

การเลือกสารเติมเต็มที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ต้องการฉีด ผลลัพธ์ที่คาดหวัง และงบประมาณของคุณค่ะ นี่คือแนวทางในการเลือกสารเติมเต็มเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจมากที่สุด

1. เลือกตามตำแหน่งที่ต้องการฉีด

• ใต้ตา ริมฝีปาก เลือกสารเติมเต็ม เนื้ออ่อน เพราะมีความนุ่มและเรียบเนียน เติมเต็มได้อย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะกับบริเวณผิวที่บอบบาง ตัวอย่างสารเติมเต็มเนื้ออ่อนที่นิยมใช้ เช่น Juvederm Volite (อเมริกา), Restylane Vital Light (ยุโรป), e.p.t.q S300 (เกาหลี)
• ร่องแก้ม หน้าผาก ขมับ ใช้สารเติมเต็ม เนื้อกลาง ที่มีความยืดหยุ่นและคงรูปได้ดี เหมาะกับการเติมเต็มบริเวณที่ต้องการความละมุน แต่ไม่เป็นก้อน ตัวอย่างที่นิยม เช่น Juvederm Ultra Plus (อเมริกา), Restylane Classic (ยุโรป), Flore Max (เกาหลี)
• คาง โหนกแก้ม กรอบหน้า ใช้สารเติมเต็ม เนื้อแข็ง ซึ่งมีความคงตัวสูงและคงรูปได้นาน จึงเหมาะสำหรับการปรับโครงสร้างใบหน้าให้ชัดเจน เช่น คาง โหนกแก้ม สารเติมเต็มเนื้อแข็งสามารถคงผลลัพธ์ได้ถึง 12-24 เดือนหรือนานกว่านั้น ตัวอย่างสารเติมเต็มเนื้อแข็งที่แนะนำ เช่น Juvederm Voluma (อเมริกา), Restylane Perlane Lift (ยุโรป), Yvoire Volume (เกาหลี)

2. เลือกตามอายุการคงทน

• สารเติมเต็มเกาหลี มักมีอายุการใช้งานประมาณ 6-12 เดือน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทดลองเติมสารเติมเต็มในครั้งแรก หรือต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและยืดหยุ่น
• สารเติมเต็มยุโรปและอเมริกา อายุการคงทนประมาณ 12-24 เดือน เนื่องจากเนื้อสารเติมเต็มความเข้มข้นและคงรูปสูง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาวและชัดเจน

3. เลือกตามงบประมาณ

• สารเติมเต็มเกาหลี ราคาย่อมเยากว่า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการคุณภาพและความปลอดภัยในราคาประหยัด
• สารเติมเต็มยุโรปและอเมริกา มีราคาสูงกว่า แต่ให้ความคงทนและความชัดเจน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการปรับโครงหน้าและเติมเต็มร่องลึกแบบคงทน

4. ปรึกษาแพทย์ที่เชี่ยวชาญ

แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญจะสามารถแนะนำรุ่นและยี่ห้อของสารเติมเต็มที่เหมาะสมกับปัญหาผิวของคุณได้ รวมถึงการประเมินปริมาณสารเติมเต็มที่ต้องใช้เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสวยละมุนและปลอดภัย

เลือกสารเติมเต็มที่ตรงกับตำแหน่งฉีดและผลลัพธ์ที่ต้องการ หากต้องการความคุ้มค่าในราคาย่อมเยา สารเติมเต็มเกาหลีเป็นตัวเลือกที่ดี แต่หากต้องการผลลัพธ์ที่คงทนและชัดเจน สารเติมเต็มยุโรปและอเมริกาจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม โดยเฉพาะสารเติมเต็มเนื้อแข็งที่สามารถให้ผลลัพธ์ที่คงทนและชัดเจนในจุดที่ต้องการโครงสร้างใบหน้าชัดเจน เช่น คางและโหนกแก้มค่ะ

สรุปเลือกสารเติมเต็มยังไงดี ?

การเลือกสารเติมเต็มที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความต้องการและผลลัพธ์ที่ต้องการค่ะ หากต้องการความเป็นธรรมชาติและราคาย่อมเยา สารเติมเต็มเกาหลีถือว่าตอบโจทย์ แต่ถ้าต้องการผลลัพธ์ที่คงทนและชัดเจน สารเติมเต็มยุโรปหรืออเมริกาก็เป็นตัวเลือกที่ดี ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและตรงใจที่สุดค่ะ