Anjali clinic Logo
Oligio

Oligio โปรแกรมผิวแน่น เด้ง ตึงแบบไม่เจ็บ! ที่วัยรุ่นนิยมทำ คืออะไร?

สำหรับใครที่รู้สึกว่าผิวเริ่มหย่อนคล้อย ไม่แน่นเหมือนเดิม แต่ยังไม่อยากผ่าตัด หมออยากให้รู้จักกับโปรแกรม Oligio เทคโนโลยียกกระชับผิวที่ทำได้โดยไม่ต้องเจ็บตัว ผิวเด้ง ดูเด็กลงแบบไม่ต้องพักฟื้น เหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่อยากดูแลตัวเองตั้งแต่เนิ่น ๆ แบบเห็นผลจริง

ทีมแพทย์ Anjaliby: ทีมแพทย์ Anjaliอัพเดทเมื่อ: 2025-05-28

สำหรับใครที่รู้สึกว่าผิวเริ่มหย่อนคล้อย ไม่แน่นเหมือนเดิม แต่ยังไม่อยากผ่าตัด หมออยากให้รู้จักกับโปรแกรม Oligio เทคโนโลยียกกระชับผิวที่ทำได้โดยไม่ต้องเจ็บตัว ผิวเด้ง ดูเด็กลงแบบไม่ต้องพักฟื้น เหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่อยากดูแลตัวเองตั้งแต่เนิ่น ๆ แบบเห็นผลจริง

blog image

บทความนี้คุณหมอจะพาผู้อ่านมาทำความรู้จัก Oligio อย่างเจาะลึก ขั้นตอนการทำ พร้อมเปรียบเทียบกับเทคโนโลยียกกระชับอื่นๆ (โดยเฉพาะ Thermage) รวมถึงกรณีตัวอย่างผลลัพธ์ในแต่ละช่วงวัย พร้อมไขข้อข้องใจว่า “รู้ไหม? ทำไมวัยรุ่นถึงฮิต Oligio” สุดท้ายจะสรุปให้เห็นภาพชัดเจนว่า Oligio ช่วยให้ผิวแน่น เด้ง ตึง ได้อย่างไรโดยไม่ต้องทนเจ็บ

Oligio คืออะไร?

Oligio เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวหน้าล่าสุดที่ใช้พลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูงแบบโมโนโพลาร์ (Monopolar RF) ในการสร้างความร้อนใต้ผิวหนัง เพื่อกระตุ้นให้ผิวแน่นกระชับ ลดริ้วรอย พร้อมทั้งกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวดูเด้งตึงขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด และที่สำคัญคือรู้สึกสบายผิวขณะทำ แทบไม่เจ็บเลย ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ Oligio จึงกลายเป็นหัตถการมาแรงที่ได้รับความนิยมทั้งในหมู่ผู้ใหญ่และวัยรุ่นยุคใหม่

การทำงานของ Oligio

Oligio อาศัยหลักการของคลื่นวิทยุความถี่สูงชนิด Monopolar RF เมื่อเส้นใยคอลลาเจนได้รับความร้อนสูงประมาณ 60°C โมเลกุลของน้ำที่เกาะอยู่จะหลุดออกจากโครงสร้างสามเกลียวของคอลลาเจน ทำให้เส้นใยคอลลาเจนเสื่อมสภาพและหดสั้นลงทันที คล้ายกับเอาเส้นยางไปลนไฟให้หดตัว ผลที่ได้คือโครงตาข่ายคอลลาเจนในผิวหนังหดกระชับขึ้นทันทีหลังทำ พร้อมกันนั้นความร้อนยังไปกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ให้ผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินใหม่เติมเข้ามาในผิวหนังชั้นหนังแท้ ช่วง 1-3 เดือนถัดไปคอลลาเจนใหม่จะค่อย ๆ เติมเต็มชั้นผิว ส่งผลให้ช่วยสลายไขมัน ผิวเฟิร์ม แน่น และเรียบตึงขึ้น พอผิวกระชับขึ้น หน้าก็ดูวีขึ้นด้วยค่ะ

จุดเด่นของ Oligio

  • ไม่เจ็บและปลอดภัยขณะทำแทบไม่เจ็บ รู้สึกอุ่น ๆ เท่านั้นและไม่มีบาดแผลหลังทำ ไม่ทำร้ายผิวด้านบน ไม่ทำให้ผิวบางลง มีระบบรักษาอุณหภูมิและปกป้องผิวชั้นบน ขณะทำจะมีการพ่นสารทำความเย็น (cryogen) ที่ผิวหน้าสัมผัสของหัวเครื่องมือก่อน ระหว่าง และหลังยิงพลังงานทุกช็อต เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวหนังชั้นบนเกิดความร้อนสะสมจนไหม้ นอกจากนี้ ยังมี เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิผิว และระบบสั่นสะเทือนช่วยเบี่ยงเบนความรู้สึกขณะยิง ทำให้ขณะทำคนไข้รู้สึกแค่ผิวอุ่น ๆ สบาย ๆ และผิวชั้นนอกยังคงเย็นอยู่ ทำให้ลดความเจ็บขณะทำหัตถการได้
  • ใช้เวลาน้อย ไม่ต้องพักฟื้นวัยรุ่นสมัยนี้มีตารางชีวิตที่เร่งรีบ Oligio ใช้เวลาเพียง 20–30 นาทีต่อครั้ง แถมหลังทำหน้าไม่แดงบวมมากจนสังเกตไม่ได้ ทำให้สะดวกมาก จะทำตอนพักกลางวันก็ยังได้ ไม่ต้องมี downtime มานั่งพักฟื้นนานๆ ช่วยให้ไม่กระทบกิจวัตรประจำวันค่ะ
  • ผลลัพธ์ทันใจและต่อเนื่อง Oligio ให้ผลผิวกระชับขึ้นเล็กน้อยทันทีหลังทำ (~20%) ตอบโจทย์คนวัยรุ่นที่ใจร้อนอยากเห็นผลเร็ว ๆ และผลจะดีขึ้นชัดเจนในไม่กี่เดือนหลังจากนั้น พอผิวเริ่มหย่อนลงอีกก็สามารถไปทำซ้ำเพื่อคงผลได้เรื่อย ๆ จึงกลายเป็นเหมือนการบำรุงผิวประจำปีอย่างหนึ่งที่วัยรุ่นยอมจ่าย เพื่อให้ผิวดูเฟิร์มอยู่เสมอ
  • ผิวแน่นฟู ดูสุขภาพดีนอกจากเรื่องยกกระชับ Oligio ยังทำให้ผิวเนียนใสและรูขุมขนเล็กลง วัยรุ่นที่อาจมีปัญหารูขุมขนกว้างหรือผิวหมองจากการนอนดึก อ่านหนังสือสอบ ก็ใช้โอกาสนี้ฟื้นฟูผิวไปด้วย หลายคนทำแล้วรู้สึกว่าผิวใสขึ้น แต่งหน้าติดง่ายขึ้น เพื่อนทักว่าหน้าดูมีออร่าขึ้น เป็นผลพลอยได้ที่น่าพอใจ

ดังนั้น Oligio ทำให้หน้ายกกระชับทันทีหลังทำ และผลในระยะยาวจากการสร้างคอลลาเจนใหม่ ซึ่งจะเห็นชัดเจนในช่วง 2-6 เดือนหลังทำ

Oligio เจ็บไหม ?

ขณะทำคนไข้ส่วนใหญ่รู้สึกเพียงอุ่น ๆ ลึกใต้ผิวและอาจมีความรู้สึกหน่วง ๆ เล็กน้อย แต่แทบไม่รู้สึกเจ็บแสบ เนื่องจากหัวเครื่องมีการพ่นความเย็นและระบบสั่นช่วยเบี่ยงเบนความรู้สึกอยู่ตลอดช่วงที่ยิงพลังงาน จากการศึกษาทางคลินิกพบว่าคนไข้ให้คะแนนความเจ็บปวดเฉลี่ยเพียง 0.4 จาก 10 เท่านั้น ซึ่งจัดว่าแทบไม่เจ็บเลย และจากงานวิจัยนี้ไม่มีการทายาชาก่อนทำด้วยเมื่อทำเสร็จแล้ว ผิวหน้าอาจแดงเรื่อเล็กน้อยจากความร้อนที่สะสม แต่จะจางลงเองภายในไม่กี่ชั่วโมง และสามารถกลับไปทำกิจกรรมได้ทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีบาดแผลใด ๆ

ในบางรายอาจรู้สึกผิวแห้งเล็กน้อยหลังทำแต่สามารถบำรุงผิวตามปกติ ทั้งนี้ข้อดีคือ ผิวมักไม่แห้งลอกหลังทำ ต่างจากหัตถการบางชนิด เพราะการทำ Oligio ไม่ต้องทายาชาที่มีฤทธิ์ทำให้ผิวแห้ง

ผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงสามารถรู้สึกได้ทันทีหลังทำประมาณ 20% กล่าวคือผิวจะกระชับขึ้นเล็กน้อยทันทีจากการหดตัวของคอลลาเจน และจะค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วง 2–3 เดือนถัดไปเมื่อคอลลาเจนใหม่ถูกสร้างขึ้นเต็มที่ ผลลัพธ์นี้อยู่ได้นานประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี ก่อนที่คอลลาเจนที่สร้างใหม่จะเริ่มเสื่อมลงตามวัยและเกิดความหย่อนคล้อยมาใหม่ จึงแนะนำทำซ้ำปีละประมาณ 1 ครั้งเพื่อคงผลลัพธ์ ทั้งนี้ระยะเวลาการคงผลลัพธ์ขึ้นกับอายุและการดูแลผิวของแต่ละบุคคลด้วยนะคะ

Oligio กับเครื่องยกกระชับอื่น ๆ ต่างกันอย่างไร

สมัยนี้เทคโนโลยียกกระชับมีให้เลือกหลายแบบเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นคลื่นวิทยุ (RF), คลื่นอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูง (HIFU), เลเซอร์ หรือแม้แต่การผ่าตัดดึงหน้า แต่ละแบบก็มีหลักการทำงาน ข้อดี ข้อจำกัด และความเหมาะสมที่แตกต่างกันไป

ในส่วนนี้หมอจะเล่าให้ฟังแบบเข้าใจง่าย ๆ นะคะ ว่า Oligio ต่างจากเครื่องยอดฮิตอย่าง Thermage HIFU และ Uสthera เพื่อจะช่วยให้ทุกคนตัดสินใจเลือกโปรแกรมที่เหมาะกับตัวเองได้ง่ายขึ้นค่ะ

จากตาราง จะเห็นว่า ถ้าอยากลดไขมันใต้ผิว กระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวแน่น แต่ไม่อยากรู้สึกเจ็บมาก Oligio จะตอบโจทย์ที่สุด เพราะใช้คลื่น RF ที่ปล่อยพลังงานสม่ำเสมอ ทำให้ขณะทำรู้สึกแค่อุ่น ๆ ร้อน ๆ แต่ไม่จี๊ด ไม่มีความรู้สึกเจ็บลึกแบบ HIFU หรือ Ulther aค่ะ

Oligio สามารถทำบริเวณใดได้บ้าง?

Oligio เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวด้วยคลื่นวิทยุ (RF) ที่ออกแบบมาให้พลังงานลงลึกถึงผิวหนังและชั้นไขมัน จึงสามารถทำได้หลายบริเวณที่ต้องการกระชับผิวหรือลดไขมันสะสม เช่น

  • ใบหน้า
    • กรอบหน้าไม่ชัด (Jawline)
    • แก้มตก (Cheek)
    • ใต้ตาหย่อน (Under-eye)
    • หางตาตก (Eye corner)
    • ร่องแก้มลึก (Nasolabial fold)
    • เหนียง (Double Chin)
    • หน้าผาก (Forehead)
  • ลำคอ
    • ผิวหย่อนที่คอ (Neck tightening)
    • ลดคอเหี่ยวย่น (Turkey Neck)
  • ลำตัว (บางกรณีที่เน้นกระชับผิวบริเวณเล็ก ๆ)
    • ต้นแขน
    • หน้าท้อง
    • ต้นขา

oligio ให้พลังงานสม่ำเสมอ ช่วยลดโอกาสไหม้ผิว รวมถึงกระตุ้นคอลลาเจน และกระชับผิวไปพร้อมกันเหมาะกับบริเวณที่ผิวบาง เช่น ใต้ตา หรือหางตา ทำเสร็จแล้วกลับไปใช้ชีวิตปกติได้ทันที ไม่ต้องพักฟื้นดังนั้น Oligio สามารถทำได้ทั้งหน้า คอ และบางบริเวณของลำตัว เหมาะกับคนที่ต้องการผิวตึงแน่น กระชับ เป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องเจ็บเยอะค่ะ

Oligio เหมาะกับใคร ?

  • คนที่ผิวเริ่มหย่อนคล้อย: เช่น แนวกรอบหน้าไม่ชัด แก้มตก คางเริ่มหย่อน แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องยกโครงสร้างลึก
  • คนที่มีไขมันสะสมเล็กน้อย: อยากลดไขมันเฉพาะจุดบนใบหน้าไปพร้อมกับการกระชับผิว
  • คนที่กลัวเจ็บ: อยากยกกระชับแต่ไม่อยากรู้สึกจี๊ด ๆ หรือเจ็บลึกแบบ HIFU หรือ Thermage
  • คนที่ต้องการผลลัพธ์แบบธรรมชาติ: ผิวแน่นขึ้น ดูอ่อนเยาว์ โดยที่ไม่ต้องพักฟื้น
  • คนที่อายุ 20+ ทั้งวัยรุ่นที่อยากล็อกหน้าเด็ก หน้าแน่นวีกรัชับ ไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และวัยทำงานที่เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงของผิว
  • คนที่ต้องการฟื้นฟูคอลลาเจน: อยากกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวแข็งแรงขึ้นในระยะยาว

Oligio ไม่เหมาะกับใคร?

  • คนที่ผิวหย่อนคล้อยระดับมาก เช่น ผิวหย่อนยานอย่างชัดเจน หรือโครงสร้างใบหน้าตกลงเยอะแล้ว (เช่น เหนียงใหญ่ กรอบหน้าหายชัด) เพราะพลังงานของ Oligio จะเหมาะกับการกระชับระดับเบาถึงกลาง แต่ไม่สามารถยกโครงสร้างลึกได้เท่า Ulthera หรือการผ่าตัดดึงหน้า
  • คนที่มีไขมันสะสมหนามาก เช่น แก้มแน่น เหนียงหนา ไขมันเยอะทั่วใบหน้า เพราะการส่งพลังงาน RF อย่างเดียวจะไม่สามารถลดไขมันก้อนใหญ่ได้เหมือนการดูดไขมันหรือเทคโนโลยีละลายไขมันโดยตรง
  • คนที่มีโรคหรือภาวะผิดปกติของผิวหนัง เช่น มีแผลเปิด มีการติดเชื้อบริเวณที่จะทำ หรือมีโรคผิวหนังบางชนิดที่ไวต่อความร้อน (เช่น โรค SLE หรือภาวะแพ้แสง UV อย่างรุนแรง)
  • คนที่ใส่อุปกรณ์โลหะฝังในร่างกาย เช่น ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) หรือมีโลหะฝังอยู่ในบริเวณที่จะทำการรักษา เพราะคลื่น RF อาจรบกวนการทำงานของอุปกรณ์เหล่านั้นได้
  • คนที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ถึงแม้ว่าจะไม่มีข้อมูลว่าก่อให้เกิดอันตรายโดยตรง แต่โดยหลักสากลจะเลี่ยงการทำหัตถการที่ใช้คลื่นพลังงานกับผู้ตั้งครรภ์และให้นมบุตรเพื่อความปลอดภัย

การเตรียมตัวก่อนทำ Oligio

  • พักผ่อนให้เพียงพอ คืนก่อนวันทำ เพื่อให้สภาพผิวสดใส ลดการระคายเคืองหลังทำ
  • งดการทำเลเซอร์หรือหัตถการรุนแรงอื่น ๆ อย่างน้อย 1–2 สัปดาห์ก่อนทำ เช่น เลเซอร์หน้าใส, กรอผิว, ฉีดฟิลเลอร์ ฯลฯ
  • หลีกเลี่ยงการโดนแดดแรง ๆ อย่างน้อย 3-5 วันก่อนทำ เพื่อป้องกันผิวไหม้หรืออักเสบ
  • งดใช้สกินแคร์กลุ่มผลัดเซลล์ผิวแรง ๆ เช่น กรด AHA, BHA, Retinol อย่างน้อย 3-5 วัน
  • งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนทำ เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงของการบวมและฟกช้ำ
  • สามารถแต่งหน้ามาได้ปกติ แต่ก่อนทำแพทย์จะทำความสะอาดผิวให้ก่อนเริ่มทำหัตถการ

การดูแลตัวเองหลังทำ Oligio

หลังทำเสร็จสามารถล้างหน้า ทาครีมบำรุง และทาครีมกันแดดได้ตามปกติ ไม่มีข้อห้ามพิเศษ แนะนำเพียงให้หลีกเลี่ยงการอบไอน้ำ ซาวน่า หรือเลเซอร์อื่น ๆ ที่ให้ความร้อนสูงในช่วง 1–2 วันแรก และควรดื่มน้ำมากๆ เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นและฟื้นตัวได้ดี

  • หลีกเลี่ยงแดดจัด และ ทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ (SPF50 ขึ้นไป) อย่างน้อย 7 วันหลังทำ
  • งดการขัดถูผิวหน้าแรง ๆ หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์ร้อน ๆ หรือซาวน่าอย่างน้อย 1 สัปดาห์
  • สามารถแต่งหน้าและล้างหน้าได้ตามปกติ ในวันถัดไป (ควรใช้ผลิตภัณฑ์อ่อนโยน)
  • ทามอยส์เจอร์ไรเซอร์เพิ่มความชุ่มชื้น เพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้ไวขึ้น
  • งดดื่มแอลกอฮอล์หนัก ๆ และสูบบุหรี่ อย่างน้อย 2-3 วันหลังทำ เพื่อลดโอกาสบวมและกระตุ้นการฟื้นฟู
  • ถ้ามีอาการบวมแดงเล็กน้อย เป็นปกติ สามารถประคบเย็นเบา ๆ ได้

สรุป

Oligio คือเทคโนโลยียกกระชับผิวด้วยคลื่นวิทยุ (Monopolar RF) ที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวแน่น เด้ง ตึงขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด และไม่รู้สึกเจ็บขณะทำ เหมาะกับคนที่เริ่มมีผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อย อยากดูแลผิวตั้งแต่เนิ่น ๆ แบบไม่ต้องพักฟื้น จึงได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นและวัย 20+ มากขึ้นเรื่อย ๆ และในวัย 30+ ก็สามารถทำได้เพื่อฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์ค่ะ

ใครสนใจอยากล็อกผิวให้แน่นเด้งตั้งแต่วันนี้ ปรึกษาคุณหมอได้เลยนะคะ

สนใจรับคำปรึกษาเพิ่มเติม?

ติดต่อเราเพื่อรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญและข้อมูลเกี่ยวกับบริการของเรา

บทความที่เกี่ยวข้อง

โปรแกรม Oligio + CFU คู่หูล็อกหน้าเด็ก

โปรแกรม Oligio + CFU คู่หูล็อกหน้าเด็ก

CFU คืออะไร เหมือน HIFU ไหม ?

CFU คืออะไร เหมือน HIFU ไหม ?

อายุเท่าไรถึงเหมาะกับการทำUlthera?

อายุเท่าไรถึงเหมาะกับการทำUlthera?

โปรโมชั่นประเมินใบหน้าฟรีติดต่อเราเรียกดูคนติดต่อเรา