หลายคนอาจเคยได้ยินข้อดีของ Oligio มาบ้างแล้ว แต่ก็ยังลังเลว่าจะเจ็บมั้ย? คุ้มมั้ย? แล้วผลลัพธ์จริง ๆ เป็นยังไง? บทความนี้หมอจะมาเล่าให้ฟังแบบละเอียด แต่เข้าใจง่าย ทั้งขั้นตอน ความรู้สึกระหว่างทำ และดูแลหลังทำ หมอเล่าให้ฟังแบบ Step by Step เพื่อให้ตัดสินใจได้แบบไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้วค่ะ 😊
หลายคนอาจเคยได้ยินข้อดีของ Oligio มาบ้างแล้ว แต่ก็ยังลังเลว่าจะเจ็บมั้ย? คุ้มมั้ย? แล้วผลลัพธ์จริง ๆ เป็นยังไง? บทความนี้หมอจะมาเล่าให้ฟังแบบละเอียด แต่เข้าใจง่าย ทั้งขั้นตอน ความรู้สึกระหว่างทำ และดูแลหลังทำ เพื่อให้ตัดสินใจได้แบบไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้วค่ะ 😊
ก่อนทำการรักษา แพทย์จะตรวจประเมินสภาพผิวหน้า โครงหน้า และปัญหาความหย่อนคล้อยของคนไข้แต่ละรายอย่างละเอียด เพื่อวางแผนจำนวนช็อตและระดับพลังงานที่เหมาะสมกับบริเวณต่าง ๆ ของใบหน้า นอกจากนี้ แพทย์จะสอบถามประวัติการรักษาอื่น ๆ บนใบหน้า เช่น เคยฉีดฟิลเลอร์ ร้อยไหม หรือทำเลเซอร์มาก่อนหรือไม่) และสอบถามประวัติโรคประจำตัวหรืออุปกรณ์ในร่างกาย เช่น มีเครื่องกระตุ้นหัวใจฝังอยู่หรือไม่ เพราะเป็นข้อห้ามในการทำหัตถการ RF เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
ข้อดีอย่างหนึ่งของ Oligio คือ ไม่จำเป็นต้องทายาชาก่อนทำ เพราะเครื่องมีระบบทำความเย็นลดความเจ็บอยู่แล้ว ดังนั้นขั้นตอนเตรียมผิวจึงมีเพียงทำความสะอาดใบหน้า เช็ดเครื่องสำอางออกให้หมด เท่านั้น
แพทย์จะปรับระดับพลังงานของเครื่อง Oligio ตามความเหมาะสมกับคนไข้แต่ละราย โดยทั่วไปเครื่อง Oligio สามารถปรับความแรงได้หลายระดับ ซึ่งสัมพันธ์กับปริมาณความร้อนและความลึกที่พลังงานลงถึง ยิ่งระดับสูงก็ยิ่ง
อย่างไรก็ตาม แพทย์จะพิจารณาจากความทนทานและความรู้สึกขณะทำของคนไข้เป็นสำคัญ เช่น อาจลองยิงที่ระดับกลางก่อน หากคนไข้รู้สึกสบายดีก็ปรับเพิ่มขึ้นทีละน้อยจนถึงระดับที่ได้ผลการรักษาดีที่สุดโดยที่คนไข้ยังทนไหว จากงานวิจัยพบว่าระดับพลังงานที่ใช้โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณระดับ 3.8 (คิดเป็นพลังงาน ~13–16 J/cm²) และจำนวนช็อตรวมทั้งหน้าเฉลี่ย ~600 ช็อตต่อครั้ง) ทั้งนี้แพทย์อาจเพิ่มหรือลดจำนวนช็อตตามงบประมาณหรือปัญหาของคนไข้ได้ (ยิ่งยิงหลายช็อตก็ยิ่งใช้เวลานานขึ้น) โดยทั่วไปแล้ว ใช้เวลาทำประมาณ 20–30 นาที ก็สามารถยิงครอบคลุมทั่วทั้งใบหน้าแล้ว
ระหว่างการรักษา แพทย์จะนำหัวเครื่อง Oligio วางแนบลงบนผิวหน้าทีละจุด หัวเครื่องจะปล่อยพลังงาน RF ออกมาเป็นจังหวะแบบ “ช็อต” (shot) ลักษณะการยิงเป็นแบบกดหัวเครื่องลงบนผิวสั้น ๆ แล้วยกออกทีละช็อต โดยแต่ละจุดที่ยิงจะมีการซ้อนทับพื้นที่ประมาณ 15–30% กับช็อตถัดไป เพื่อให้ความร้อนครอบคลุมต่อเนื่องทั่วผิวบริเวณนั้น
ขณะทำคนไข้ส่วนใหญ่รู้สึกเพียงอุ่น ๆ ลึกใต้ผิวและอาจมีความรู้สึกหน่วง ๆ เล็กน้อย แต่แทบไม่รู้สึกเจ็บแสบ เนื่องจากหัวเครื่องมีการพ่นความเย็นและระบบสั่นช่วยเบี่ยงเบนความรู้สึกอยู่ตลอดช่วงที่ยิงพลังงาน จากการศึกษาทางคลินิกพบว่าคนไข้ให้คะแนนความเจ็บปวดเฉลี่ยเพียง 0.4 จาก 10 เท่านั้น ซึ่งจัดว่าแทบไม่เจ็บเลย และจากงานวิจัยนี้ไม่มีการทายาชาก่อนทำด้วย) เมื่อทำเสร็จแล้ว ผิวหน้าอาจแดงเรื่อเล็กน้อยจากความร้อนที่สะสม แต่จะจางลงเองภายในไม่กี่ชั่วโมง และสามารถกลับไปทำกิจกรรมได้ทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีบาดแผลใด ๆ
หลังทำเสร็จสามารถล้างหน้า ทาครีมบำรุง และทาครีมกันแดดได้ตามปกติ ไม่มีข้อห้ามพิเศษ แนะนำเพียงให้หลีกเลี่ยงการอบไอน้ำ ซาวน่า หรือเลเซอร์อื่น ๆ ที่ให้ความร้อนสูงในช่วง 1–2 วันแรก และควรดื่มน้ำมากๆ เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นและฟื้นตัวได้ดี ในบางรายอาจรู้สึกผิวแห้งเล็กน้อยหลังทำแต่สามารถบำรุงผิวตามปกติ ทั้งนี้ข้อดีคือ ผิวมักไม่แห้งลอกหลังทำ ต่างจากหัตถการบางชนิด เพราะการทำ Oligio ไม่ต้องทายาชาที่มีฤทธิ์ทำให้ผิวแห้ง ก่อนทำอยู่แล้ว
ผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงสามารถรู้สึกได้ทันทีหลังทำประมาณ 20% กล่าวคือผิวจะกระชับขึ้นเล็กน้อยทันทีจากการหดตัวของคอลลาเจน และจะค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วง 2–3 เดือนถัดไปเมื่อคอลลาเจนใหม่ถูกสร้างขึ้นเต็มที่ ผลลัพธ์นี้อยู่ได้นานประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี ก่อนที่คอลลาเจนที่สร้างใหม่จะเริ่มเสื่อมลงตามวัยและเกิดความหย่อนคล้อยมาใหม่ จึงแนะนำทำซ้ำปีละประมาณ 1 ครั้งเพื่อคงผลลัพธ์ ทั้งนี้ระยะเวลาการคงผลลัพธ์ขึ้นกับอายุและการดูแลผิวของแต่ละบุคคลด้วยนะคะ
📌โปร Oligio ราคาพิเศษเฉพาะตอนนี้ !!!
ใครที่ลังเลอยู่ รีบเลยนะ! ปรึกษาหมอก่อนได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
👉 แอด LINE: @anjaliclinic แล้วพิมพ์ว่า “สนใจ Oligio” ได้เลยค่ะ
📍กดจองตอนนี้เท่านั้นนะคะ เพราะโปรนี้มีจำนวนจำกัด
จริง ๆ แล้ว Oligio เป็นหัตถการที่หมอแนะนำเป็นตัวเลือกบ่อยมาก โดยเฉพาะกับคนที่ กลัวเจ็บ ไม่อยากทายาชา ไม่มีเวลา พักฟื้นไม่ได้ หรือเริ่มรู้สึกว่าหน้าไม่แน่นเหมือนเดิม เพราะ Oligio ไม่เจ็บ ใช้เวลาน้อย แต่ผลลัพธ์ค่อนข้างชัด หลังทำผิวจะกระชับขึ้นเล็กน้อยทันที แล้วดีขึ้นเรื่อย ๆ ใน 2–3 เดือน ทำเสร็จสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเลย ไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีแผล
ใครที่รู้สึกว่า “หน้าเริ่มเปลี่ยน” ไม่แน่นเหมือนเดิม แต่ยังไม่อยากทำอะไรหนัก ๆ ลองปรึกษาหมอได้เลยนะคะ หมอจะช่วยดูให้ว่าเหมาะกับ Oligio ไหม แล้วหมอจะรอเจอนะคะ
ติดต่อเราเพื่อรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญและข้อมูลเกี่ยวกับบริการของเรา